"คำพูดที่แรงที่สุดคือคำพูดที่มาจากคนใกล้ตัว" (พ่อ แม่ พี่ น้อง สามี ภรรยา ลูก)
ได้อ่านแต่ละคอมเม้นที่มาเม้นระบายถึงคำพูดที่ร้ายแรงที่สุดที่เคยได้ยินมาในชีวิต และก็สะดุดกับหลายๆคอมเม้นที่อ่านแล้วรู้สึกได้ถึงความเสียใจ ความบอบช้ำทางความรู้สึก ปมในจิตใจที่ฝังลึก รวมไปถึงความรู้สึกด้อยค่าที่ต้องเผชิญกับคำพูดเหล่านั้น
เคยได้ยินมาเสมอว่า "คำพูดที่ออกจากปากพ่อและแม่คือพรอันประเสิรฐ" แต่ในขณะเดียวกัน ก็เป็นคำสาปแช่งได้เช่นกัน
คนเฒ่าคนแก่ที่ผ่านชีวิตมามากมาย มักคิดว่า "คำดูถูกคือเชื้อไฟทำให้คนได้ดี"
แต่เหมือนกับว่า มันจะไม่ค่อยได้ผลกับคนใน Gen นี้สักเท่าไหร่ เพราะนอกจากจะไม่ได้เป็นแรงบันดาลใจแล้ว ยังเป็นแม่แรงที่บั่นทอนกำลังใจเป็นอย่างมาก ซึ่งคนในยุคก่อนๆจะคิดว่า ภูมิต้านทานของเด็กในยุคนี้นั้นต่ำเกินไป แต่จริงๆแล้วไม่ใช่เลย
สังคมสมัยนี้ ทุกอย่างขับเคลื่อนไปอย่างรวดเร็วและว่องไว ความกดดันของทุกๆคนเริ่มต้นตั้งแต่ก้าวเท้าเข้าโรงเรียน การแข่งขันสูงขึ้นทุกๆวัน สิ่งแวดล้อมรอบตัวมีอุปสรรคมากมายให้ต้องฟันฝ่าและเหนื่อยล้ามากมากแล้ว ที่ที่เป็น Safe Zone ให้ได้ดีที่สุดในยามที่จิตใจมันเหนื่อยล้าจากข้างนอกนั่นก็คือ "บ้าน"
"ดูถูกให้มันได้ดี ด่าให้มันมีแรงฮึด" ....
แต่กับบางคนที่ไม่ได้มีจิตใจที่แข็งแกร่งมากพอ อาจทำให้ชีวิตเค้าพังไม่เป็นท่า หรืออยากจะเป็นให้สมกับคำพูดที่ถูกด่าว่าให้มันสะใจไปเลย เพื่อประชดประชันให้สาสมกับที่ถูกด่า
บางคนอาจจะรู้สึกบั่นทอนกับคำพูด จนเก็บมาเป็นปมในใจ เป็นโรคซึมเศร้า หรือหนักเข้าก็คือไม่มีขวัญและกำลังใจที่จะเผชิญกับเรื่องเหล่านี้อีกต่อไปในชีวิตนี้อีกแล้วก็ได้
เปลี่ยนเป็นคำชมได้ไหม? หรือ ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ต้องพูดเลยจะดีกว่าไหม?
เชื่อเสมอว่า "คำชม" คือยาใจ คือขวัญและกำลังใจที่ดีที่สุดจริงๆ
จะน้อยหรือมาก ก็ชมกันไว้ให้ติดปากเถอะ
จะผิดหรือถูก ก็ให้กำลังใจกันไว้เถอะ
จะใช่หรือไม่ ก็แนะนำชี้แนะให้มากกว่าตำหนิเถอะ
เชื่อหรือไม่ว่าในวันที่เครียดและเหน็ดเหนื่อยใจจากนอกบ้าน กลับมาบ้านแค่ถามว่า "เหนื่อยไหม" ก็ทำให้หายเหนื่อยได้เหมือนกัน
ทุกๆความสำเร็จ ไม่จำเป็นต้องผ่านคำดูถูกก็ได้ .... แค่เติมกำลังใจให้ ก็เป็นเชื้อไฟให้ได้เหมือนกัน
**เอ็มขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆคนที่กำลังผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปให้ได้ รู้สึกดีที่ได้อ่านทุกๆข้อความที่ระบายกันเข้ามา มันทำให้เอ็มมองเห็นว่า “มีคนอีกมากมายที่เจอหนักกว่าเราอีก” …. สู้ๆนะคะ❤️**